วันอาทิตย์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2551

ตอน เงือกซากุระ

แล้วนางเงือกมีจริงหรือนี่น่าจะเป็นคำถามจากทุกท่านแน่นอน เช่นนั้นในตอนนนี้ นาจะเป็นการสรุป หรือนำนำเอาไปรวมเป็นสมตฐานได้ว่า นางเงือกควรจะมีจริงในอดีต เมื่อพันปีก่อน โดยเรื่องที่จะนำเสนอ เป็นหลักฐานการบันทึกทั้งเรื่องราว ภาพวาด และหลักฐานที่เป็นตัวตนของนางเงือกจริงๆ
นางเงือกที่ว่านี้....อยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น ดินแดนแห่งดอกซากุระบาน เมืองที่เห็นพระอาทิตย์อุทัยก่อนใครอื่นแล้วเป็น ประเทศที่แวดล้อมด้วยเกาะแก่งจำนวนมากมาย มีพื้นน้ำล้อมรอบจึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า ทำไมประเทศญี่ปุ่นมีนางเงือกเยอะมาก หรือเป็นแหล่งถิ่นที่อยู่ เมืองบาดาลของพวกเงือกคนครึ่งปลา อมนุษย์ที่คอยจ้องจมเรือแล้วกินผู้ผ่านน่านน้ำดังคำกล่าวหาจริงหรือ?
งานวัด
ณ เมืองเอโดะ ปัจจุบัน คือกรุงโตเกียว ได้มีงานเทศกาลรื่นเริง ลักษณะการจัดงานเหมือนงานวัดบ้านเราเปี๊ยบ! มีบรรยากาศสนุกสนานครึกครื้น และครื้นเครงเอามากๆ ในยุคนั้นบ้านเมืองของญี่ปุ่นไม่ได้เจริญ จนต้องแออัดยัดเยียดเหมือนทุกวันนี้ มันพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ การจัดงานในสมัยก่อน เขาจะทำกันที่ทุ่งร้างไม่ก็ป่าหญ้า หรือในที่สาธารณะต่างๆ คนจัดต้องไปแผ้วถางเอาเอง
จากนั้นพวกคณะละครสัตว์ นักมายากล และสินค้าพวกงานช่างฝีมือต่างๆ จะมารวมทีมที่งานนี้งานเดียว อีกทั้งยังมีสารพัดสัตว์แปลกประหลาดนำมาโชว์ ชาวเอโดะในยุคนั้นมีความเชื่อว่า ถ้าได้ชมสัตว์ประหลาดแปลกๆแล้ว จะทำให้โชคดีเดินมาสู่ตัว หรืออาจมีทรัพย์สินเงินทอง ความมั่งคั่งร่ำรวยเกิดขึ้น รวมทั้งสุขภาพที่ร้ายให้กลายเป็นดี เหมือนเป็นการไปขอพร ขอในสิ่งที่ตนต้องการจากสิ่งเหล่านี้ ( เหมือนบ้านเราจังเลย ) นอกจากนี้ที่พิเศษหน่อยก็คือ การนำของแปลกประหลาดมาโชว์ที่เอโดะเวลานั้น จะต้องทำการป่าวประกาศชวนเชิญ สรรพคุณเกินจริง หรือรูปแบบของที่ไม่ซ้ำใครมาให้เห็นสักเล็กน้อย ก็จะทำให้ชาวบ้านแห่แหนมาชมมากยิ่งขึ้น
ส่วนใหญ่จะเป็นของมาจากโลกตะวันตก โลกที่มีอารนธรรมใหม่ๆ การประดิษฐ์คิดค้นของที่คนในยุคนั้นยังไม่เคยเห็น เช่น รูปภาพสัตว์ที่มีจำนวนมากมาย ดูแล้วซับซ้อน ลายตา เกิดจากการใช้เทคนิคของกล้องประเภทกล้องลวงตา เป็นต้น
เงือกไม่ใช่ของแปลก?
เมื่อครู่เราได้พูดถึงสัตว์ประหลาดต่างๆ ที่นำมาออกงานที่ญี่ปุ่นนั้น เขาบอกว่า สัตว์ประหลาดของชาวเมืองเอโดะต้องไม่ใช่นางเงือก?? ที่เป็นเช่นนั้นเพราะว่า ชาวญี่ปุ่นยุคโน่น เคยพบเห็นเงือก และรู้จักกับนางเงือกเป็นอย่างดี และคุ้นเคยกันมาช้านานแล้ว...ดังนั้นในงานเทศกาล หากนำนางเงือกมาออกแสดง เขาจะไม่นับให้เป็นสัตว์ที่แปลกประหลาดอะไรเลย คือไม่ได้รับความสนใจเท่าที่คาด หรืออาจประมาณว่า เงือกเหมือนสัตว์ที่มีดื่นดาษทั่วไปของญี่ปุ่นแล้ว?
ดังนั้นเมื่อชาวต่างชาติที่เข้ามาที่เอโดะ ได้ออกเที่ยวชมงานเทศกาล แล้วได้พบกับเงือกที่ว่ายน้ำเป็นๆ โชว์อยู่ในตู้ หรือบ่อน้ำจำลอง เป็นธรรมดาจะต้องตื่นตาตื่นใจ ที่น้อยนักจะมีใครได้พบเห็นนางเงือกที่มีชีวิตอยู่ได้ โดยไม่ต้องลงทุนนั่งเรือเดินเรือในทะเล ให้ยุ่งยาก และเสี่ยงภัยแต่ประการใด
เงือกญี่ปุ่นจึงเริ่มดัง และมีชื่อเสียงข้ามน้ำข้ามทะเลไปทางฝั่งยุโรป และอเมริกา
ตลาดค้านางเงือก
เงือกจึงป็นของแปลกพิสดารในสายตาของฝรั่งตาน้ำข้าว งานใดมีเงือกออกโชว์ เจ้าของงานนั้นรับเละ...เพราะฝรั่งนิยมของแปลกจากจุดนี้เองธุรกิจการซื้อขายนางเงือกจากเจ้าของอมนุษย์ จึงเกิดขึ้นเป็นการค้า มีการล่า จับพวกเงือกมาขาย พวกพ่อค้าหัวใสเล็งเห็นความร่ำรวยที่จะได้จากเงือก เม็ดเงินจากโลกตะวันตก และยุโรปจะหลั่งไหลเข้ามาอย่างล้นเหลือ....เงือกตัวหนึ่งๆจึงมีราคาสูงตามความต้องการของท้องตลาด แล้วดูเหมือนจะเริ่มหายากขึ้นทุกที กิจการงานขายของ และละครสัตว์จึงเปิดตัวนางเงือก โด่งดังที่สุดในยุคศตวรรษที่18แน่นอนว่า ตลาดค้ามนุษย์เงือกที่ดังที่สุดในเวลานั้น คือประเทศญี่ปุ่น และเอเชียตอนใต้
แต่แหล่งเงือกที่ขายดีคนให้ความสนใจเป็นพิเศษ คือนางเงือกที่มาจากหมู่เกาะบาร์นัมของ ฟิจิ ด้วยรูปลักษณ์ที่โดดเด่นต่างกับเงือกที่อื่นๆ ก็เป็นได้
เมื่อดังมาก จากเงือกที่ออกโชว์เคยมีชีวิตแหวกว่ายในน้ำอวดผู้คนได้ ก็เหลือเพียงซากของเงือกที่ตายไปแล้วเท่านั้น เจ้าตัวนี้เหมือนจะป๊อบปูล่าที่สุด เมื่อ 200กว่าปีที่แล้ว เมื่อเงือกดังมาก คนขี้สงสัย คนจับผิดก็ย่อมจะมี โดยกล่าวหาว่า....
เงือกปลอม
ในปี ค.ศ.1810เงือกที่นำมาโชว์นั้น เป็นเงือกปลอมที่ทำขึ้นมา โดยช่างฝีมือชาวญี่ปุ่นที่เป็นชาวประมง เหตุผลที่ว่าปลอมก็เพราะเขาทำเนียน และดีเกินจริง?
คนที่กล่าวหายังบอกอีกว่า มันสมบรูณ์จัด ยิ่งเมื่อได้ดูบ่อยๆนานๆเข้าก็จะสังเกตุเห็นได้ว่า นางเงือกที่นำมาโชว์นั้นมีรอยเย็บเป็นตะเข็บ ส่วนกะโหลกน่าจะเป็นหัวลิง และส่วนตัว ก็คือปลาตัวโต นำทั้งสองมาเย็บประกอบเข้าด้วยกันแต่งอีกนิดก็เหมือนจริงแล้ว
แล้วช่างญี่ปุ่นเขารู้ได้อย่างไร?
॥।ว่าเงือกมีรูปร่าง ลักษณะหน้าตาเป็นมาแบบใด ทำไมต้องมีใบหน้าแบบเดียวกันหมด คือหน้าตาน่าเกลียด น่ากลัว มีฟันแหลมคม กำสองมือยกขึ้นแนบแก้ม ทำไมต้องลักษณะนี้? ถ้าจะว่าไปแล้ว เรื่องราวตำนานของเงือกจะหมายถึง สตรีครึ่งปลา ที่มีรูปร่างสวยงาม ใบหน้าอ่อนหวาน มีเสียงไพเราะมิใช่หรือ? เหตุใดจึงอัปลักษณ์ น่าสยองอย่างนี้!!
นางเงือกประจำวัด
ที่ญี่ปุ่นมีเงือกมาก เป็นเรื่องไม่ผิดปกติอยู่แล้ว จึงไม่ใช่เรื่องแปลก ถ้าเราจะพบเห็นซากมัมมี่ของนางเงือก ที่ไปปรากฎตัวอยู่ตามวัดของญี่ปุ่นหลายวัด แล้วจะทำการะทักษ์รักษาซากนั้นเป็นอย่างดี สืบทอดต่อๆกันมา
ห้ามใครแตะต้องและยุ่งอย่างเด็ดขาด!!
อย่างเช่นในปีค.ศ.1682(ราว 326ปีก่อน) วัดซุอิไรจิ ใน โอซาก้า ของญี่ปุ่น ได้รับของขวัญพืเศษจากพ่อค้าชื่อ ซาคาอิ อาเระ เขาได้ถวายกัปปะ และมังกรตัวเล็กๆให้เป็นกรรมสิทธิในการครอบครองแต่เพียงผู้เดียว ของทั้งสองสิ่งนั้นขุดได้จากใต้ดิน ที่อยู่ติดกับข้างวัดนะเอง
หรือจะเป็น วัดโมะอุชิ บนเกาะฮอนซู ในเมืองคาชิวาซากิ อยู่ในเขตนิไอกาทา ได้รับซากศพของนางเงือก ทางวัดได้ทำการอนุรักษ์เก็บรักษาไว้อย่างดียิ่ง ด้วยลักษณะคือนางเงือกทำท่าคล้ายกำลังโพลต์ท่าให้ ในท่ากำมือยกขึ้นไว้ข้างแก้มทั้งสองมือ คล้ายตกใจ หรือดีใจก็ไม่รู้ ( เงือกญี่ปุนส่วนใหญ่จะอยู่ในท่านี้ทุกตัว ท่าฮิตมั้ง ) เงือกตัวนี้มีความยาว 30เซนติเมตรเท่านั้น
ต้องซ่อนนางเงือก
แต่ละวัดจะมีการเก็บรักษาดูแลนางเงือกเป็นพิเศษ คือ เก็บไว้ในหีบไม้ หรือกล่องไม้ที่ทำขึ้นเฉพาะการเก็บซ่อนเงือกนี้ก็เพื่อไม่ให้คนสอดรู้สอดเห็นมาสังเกตุเห็น หรืออาจมาทำการพิสูจน์ตั้งคำถามต่างๆ นานา ถึงที่มาของนางเงือก
หรืออีกนัยการเก็บซ่อน นางเงือกไว้นั้น ก็อาจเพื่อป้องกันหัวขโมย ที่ต้องการนำไปขายให้คนต่างชาติในราคาที่สูงมาก ดังนั้นทางวัดจึงต้องทำการเก็บรักษาไว้เป็นความลับที่สุด แต่ดูเหมือนยิ่งปิดมากเพียงไร ก็เหมือนเป็นการกระตุ้นให้ผู้คนสนใจใคร่อยากรู้อยากเห็นมากยิ่งๆขึ้น เมื่อมีคนก้าวเข้ามาในวัด เริ่มคำถามเกี่ยวกับซากนางเงือกด้วยท่าทางที่ดีสุภาพ ให้เกียรติ เป็นมิตร หรือเมื่อดูแล้วน่าเชื่อถือ พอไว้วางใจได้ เขาก็จะได้รับการต้อนรับ และตอบคำถามที่ดีกลับไป หรืออาจได้เห็นนางเงือกตัวนั้นๆด้วย
แต่ถ้ามาไม่ดี หรือเพียงแสดงท่าทางไม่เชื่อลบหลู่ หรือดูถูก ทางวัดจะปิดประตูปฏิเสธทุกคำถาม อันหมายความว่าไม่ตอนรับ
การที่แต่ละวัดต้องพิทักษ์รักษาเงือกย่อมมีเงื่อนไขที่ต่างกันออกไป อาทิอย่างวัดคารุคายาโคะ อยู่นอกเมืองฮาชิโมโตะ ในเขตปกครองของวาคายามะ ได้มีเงือกตัวหนึ่ง ที่มีความยาวกว่า 50เซนติเมตร บนใบหน้าเงือกตัวนี้กำลังยิ้มกว้างให้เห็นเขี้ยว และฟันที่แหลมคม เห็นแล้วน่ากลัวอย่างชัดเจน หน้าตาของเงือก ถ่ายทอดอารมณ์ของความโกรธ ระคนปนกลัว ร่างถูกปกปิดหุ้มด้วยเกล็ดแบบปลา มีสะเก็ดคล้ายร่องรอย ของครีบติดอยู่อันหนึ่งบริเวณกลางหว่างทรวงอก ส่วนท่าทางจะอยู่ในลักษณะมาตรฐานเดียวกันกับตัวที่กล่าวมาแล้ว สำหรับวัดนี้เงือก คือความสวยงาม แถมหายากที่ต้องสงวน และอนุรักษ์ไว้
แหม!กำลังสนุก เอาไว้ต่อตอนจบของนางเงือกในภาคสรุปว่าเงือกมีตัวตน จริงหรือเพื่อการค้ากันแน่..พลาดไม่ได้ทีเดียว..จะบอกให้

วันพุธที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2551

พวกเงือกน้ำจืดพวกนี้จะอยู่ตามแหล่งน้ำขนาดใหญ่ ประเภทแม่น้ำ ลำคลอง ห้วยหนอง คลองบึง แหล่งน้ำที่มีพวกเงือกอาศัยอยู่ จะมีความพิเศษ หรือผิดปกติกว่าแหล่งน้ำแห่งอื่น ดังเช่น ณ ที่บริเวณนั้นจะมีบรรยากาศสงบนิ่งงัน เย็นยะเยือกประหลาดๆ วังเงือกจะอยู่ก้นสายน้ำที่ลึกๆ จนแสงแดดไม่อาจส่งถึงพื้นได้ เห็นเพียงสีเขียวเข้มของน้ำตรงนี้จะรู้สึกถึงความน่าพรั่นพรึง และเกิดความกลัวจนจับใจ แหล่งน้ำลักษณะนี้ ผ่านการเล่าสืบต่อกันมา ว่ามันเป็นที่อยู่ของสัตว์ร้าย หรือพวกเงือก เป็นอันตรายถึงตายได้?
ตำนานและความเชื่อเกี่ยวกับเงือกนั้น ยังมีเรื่องราวอีกมากในหลายๆประเทศ เราเพียงนำมาบางส่วนเท่านั้น เงือกที่แท้จริงว่ากันว่า พวกเธอคือ ตัวแทนของความชั่วร้าย เป็นด้านมืดดำ หรือเป็นปิศาจแห่งความชั่วร้าย เพียงแค่ต้องการรู้เรื่องใดทีเกี่ยวกับคนชั่ว การกระทำที่ชั่วช้าแล้วหละก็...เงือกสามารถรู้ และตอบได้ แต่บางทีก็ต้องเสี่ยงว่าจะรอดกลับมาได้หรือไม่?