๑ ...กำเนิดเงือก
เงือกคงไม่ต่างอะไรกับสัตว์ หรือสิ่งที่มีชีวิตบนโลกมนุษย์
ของเราเท่าใด ย่อมจะมีกำเนิดความเป็นมาที่พิสดารพอสมควร
แต่ละชนชาติก็มีกำเนิดที่ต่างกันออกไป รูปลักษณ์ภายนอกเพียง
คล้ายกันเท่านั้น ไม่เหมือนกันโดยสิ้นเชิง อย่างหนึ่งที่ควรทราบ
กันก่อนก็คือ กำเนิดของเงือกล้วนอัศจรรญ์เหลือเชื่อ ซึ่งอาจเป็น ภาพลักษณ์ สัญญลักษณ์
ความ หมายอย่างใดอย่างหนึ่งก็เป็นได้ เงือกมีอยู่ทั่วโลก ทุกทวีปในหลายๆ ประเทศจะต้องมีหรือ เคยมีเงือกมาก่อน??
นางเงือกอัสซีเรีย
มีกำเนิดก่อนคริสต์ศักราชราว 1,000 ปี จากตำนานได้กล่าวถึงกำเนิดของเงือกว่า ในอดีตมีเทพธิดานางหนึ่งชื่อว่า เชมิรามิส ได้ตกหลุมรกัหนุ่มเลี้ยงแกะ ไม่รู้ไปทำอีท่าไหนเข้า เธอทำให้คนเลี้ยงแกะตาย ด้วยความเสียใจปนละอายใจ เธอจึงกระโดดลงสู่ทะเลสาบ คงลืมไปว่าตนเองไม่ใช่มนุษย์ เพราะตกนำเธอก็ไม่จมยิ่งทำให้เธอแค้นใจหนัก เธอได้แปลงร่างให้ครึ้งล่างที่เดิมเป็นขากลายป็นหางปลา แล้วที่สุดได้กลายเป็นนางเงือกดังที่ทุกคนรู้จักกัน
นางเงือกเขมร
มีกำเนิดที่สืบด้วยสองตายายเคยฝันว่า ถ้าหลานได้งูเป็นผัวจะรำรวยมีเงินทองมหาศาล ทั้งสองจึงไปหางูเหลือมมาไว้ในห้อง จัดการส่งตัวหลานเข้าหอเป็นเมียงู พอเข้าไปสักครู่หลานก็บอกงูรัดร้องให้ช่วย สองตายายก็ว่า ผัวกอดรัดนิดหน่อยก็ร้อวด้วย จึงไม่สนใจ ต่อมาหลานสาวก็ร้องออกมาอีกว่า งูกินตัวเข้าไปครึ่งตัวแล้ว สองตายายก็ทำเฉยไม่รู้ไม่ชี้ คิดว่าเป็นสาวย่อมเขินอายหาเหตุเป็นธรรมดา จนเช้าก็ยังไม่มีเสียงหลานพูด ภายในห้องในห้องก็เงียบสงัดให้ผิดสังเกต ทั้งสองจึงเข้าไปในห้องหอก็ต้องตกใจเมื่อพบว่า....ผัวงูได้กินหลานเข้าไปอยู่ในท้องแล้ว จึงช่วยกันฆ่างูผ่าเอาหลานออกมา เดชะบุญหลานยังไม่ตาย อีกทั้งตามเนื้อตามตัวก็มีแต่กลิ่นงูติด ล้างเท่าไรก็ไม่หมดจึงพากันไปที่ทะเล พอถึงทะเลหลานสาวได้กระโดดลงนำช่วงล่างกลายเป็นปลา แล้วเป็นนางเงือกดำหายไป
ความเชื่อ และตำนานเงือก
น้อยนักที่จะมีคนเล่าเรื่องกำเนิดหรือมีหลักฐานเกี่ยวกับเหล่าเงือก อมนุษย์ครึ่งบกครึ่งนำ หรือครึ่งคนครึ่งปลาตนนี้ได้ เงือกคงเป็นสายพันธ์ที่อยู่อีกมิติหนึ่งกล่าวกันว่า พวกเงือกจะไม่มีวันแก่ตายเช่นมนุษย์ อายุพันปี ก็แค่เริ่มต้นแรกสาวเท่านั้น เวลาของที่อยู่หรือดินแดนนางเงือกนั้น เดินช้ากว่าของชาวโลกเรามาก คนโบราณในโลกเราแต่ละแห่งก็มีความเชื่อ และตำนานต่างกัน ตามอารยธรรมความเป็นอยู่ของพวกเขา อย่างของไทยที่ดัง และรู้จักกันดี จากวรรณคดีไทยเรื่อง พระอภัยมณี รวมทั้เรื่อง รามเกียรติ์ ตอนสุวรรณมัจฉา ได้กล่าวถึงนางเงือกเช่นกัน หรือจะเป็เรื่อง พระอุณรุท พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก กล่าวถึงเงือกไว้ตอนหนึ่งว่า เสด็จนั่งยังท้ายเภตรา ชมหมู่มัจฉาน้อยใหญ่ ว่ายคลำดำดั้นอยู่ไวๆ ที่ในมหาชลธาร เงือกงามหน้า กายคล้ายมนุษย์
ตำนาน เงือกญี่ปุ่น
ก็มีเรื่องเล่าใช้น้อย ที่ดังที่สุดเห็นจะเป็นเรื่องของ แม่ชีบิคุนีพันปี ที่ไม่มีวันตาย เรื่องมีอยู่ว่าหญิงสาวคนหนึ่ง ได้ช่วยนางเงือกตนหนึ่งที่ชายหาด เงือกต้องการตอบแทนบุญคุณ นางจึงมอบเนื้อเงือกให้ แล้วบอกว่า เป็นของวิเศษเมื่อใครได้กินแล้วจะไม่แก่เฒ่า พอกินเข้าไปแล้วเธอก็ไม่ตาย แต่เพื่อนฝูงคนคนรู้จักตายกันไปหมด ในที่สุดเธอจึงบวชเป็นชี ต่อจากนี้เราไปดูดินแดนแห่งเทพเจ้าที่ใครๆต้องการจะไปรู้กันว่าเงือกเมืองเขาเป็นมายังไง
ตำนาน เงือกกรีก ดินแดนแห่งเทพ
ตำนานเกี่วยกับเงือกได้เล่าไว้ว่า ณ ชายหาดแอนธีดอนที่ร้าง ไม่มีใครเคยกล้าขึ้นฝั่งสักราย ด้วยกลัวในอำนาจเร้นลับประหลาดๆ แต่กลอคัสหนุ่มหาปลาที่ไม่เคยกลัวสิ่งใดเลย เขาได้นำเรือจอด และเอาปลาที่จับได้ขึ้นฝั่ง เพื่อนับจำนวนปลา ( ที่ตายแล้ว ) เขามองดูปลาที่จู่ๆ ก็ดิ้นมีชีวิตขึ้นมาใหม่แล้วพากันดิ้นลงสู่ทะเล หายไปทีละตัวจนหมด ขณะที่ดูอยู่ปากก็เคี้ยวใบกก นำจากใบกกทำให้เขารู้สึกรักนำ ส่วนขาก็กลายเป็นหางปลา ภาวะความรู้สึกของมนุษย์ค่อยๆสูญหายกลายเป็นปลาไปเสียแล้ว เขาได้แหวกว่ายดำดิ่งสู่ท้องทะเลหายไป กลายเป็นตำนานเรื่องยาวที่เล่าสู่กันฟังมาถึงวันนี้
ความเชื่อทางยุโรปโบราณ ( กลุ่มไอริส ) ได้เล่าถึงความสัมพันธ์ ความช่วยเหลือให้กัน และกันระหว่างเงือกกับมนุษย์ แล้วมอบสิ่งตอบแทนเป็นความรู้ทางการแพทย์ หรือการเตือนพายุในท้องทะเล เงือกมีมากมายหลายเผ่าพันธุ์ มีทั้งดี และชั่ว ทั้งงดงาม และอัปลักษณ์
พูดถึงชาวไอริชเขาก็มีตำนานการเกิดเงือก ในสมัยสงครามกรุงทรอย ที่เคยนำมาสร้างเป็นภาพยนต์แล้ว นางเงือกพวกนี้เกิดจากเปลือกไม้ของซากเรือรบ ก่อเกิดเป็นเลือดเนื้อ แต่ก็มีอีกด้านหนึ่งบอกว่า เงือกคือผู้หญิงนอกศาสนา ที่ถูกเนรเทศออกไปจากแผ่นดิน หรือว่ากันไปไกลกว่านั้นก็คือ เงือกเป็นลูกๆ ของฟาโรห์ที่จมน้ำในทะเลแดง?
แหล่งที่อยู่ของนางเงือก
ถือเราจะรู้ว่าพวกเงือกทั้งหญิง และชายจะอยู่ในน้ำแล้วก็ตามที แต่น้ำแบบไหนล่ะ ที่พวกเงือกนิยมใช้เป็นที่อยู่อาศัยกัน...เงือกมีทั้งน้ำจืด และน้ำเค็ม ตามแต่เผ่าพันธุ์ดั้งเดิม เงือกประเภทที่อยู่ในทะเล จะมีการแบ่งอาณาเขตของตนเอง น่านน้ำใครน่านน้ำมัน ไม่มีการล้ำเส้น เงือกทะเลมีจ้าวสมุทรเป็นผู้ปกครองดูแล ชาวกรีก เรียกว่า โปโซดอน (หรือเรียกว่าโพไซดอน) มือถือสามง่ามด้ามยาว สวมมงกุฎเป็นชายชราร่างแกร่งขนาดใหญ่ยักษ์ มีหนวดเคราขาว ส่วนขาเป็นปลามีอำนาจในการควบคุมท้องทะเล สามารถสร้างพายุ และค่อยดูแลสัตว์ในทะเล เงือกทะเลของฝรั่งจะมีหลากหลายพันธุ์ ที่เด่นดังเห็นจะเป็นพวก ไซริง ที่คอยว่ายน้ำวนจนเกิดเป็นหมอก แล้วขับกล่อมด้วยเสียงเพลงที่เป็นมนตราสะกดชาวเรือผู้ผ่านท้องน้ำเข้าเขตพวกตนมาให้หลงเคลิบเคลิ้ม แล้วเงือกพวกนี้จะจับคนกินเป็นอาหาร หรือจะเป็นอีกประเภทที่คอยทำให้เรือที่ผ่านหลงทางมองไม่เห็นชนโขดหิน หรือลวงคน โดยการปีนปายเกาะขึ้นบนเรือ สาวงามร่างเปลือยเปล่าเย้ายวน กะลาสีทั้งหลาย ให้เผลอแล้วฉุดลงทะเลจับกิน อีกชนิดคือพันธุ์ ไซบีเรียร่า คือเงือกกินคนคอยลวงคนว่าตกน้ำ พอมีคนผ่านมาเห็นแล้วจะกระโดดลงไปช่วย มันก็จะดึงลงสู่ทะเลลึก แถมพันธุ์นี้จะมีหอกเป็นอาวุธ ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นอาวุธป้องกันที่ได้มาจาก โพไซดอน แต่เดิมพวกนางยังไม่ได้อาวุธ ก็มีเหตุที่มาเป็นตำนานว่า
ครั้งหนึ่งเคยมีคนเห็นเงือกเพียงท่อนบน เขานั่งมาบนแพที่ต่อ นางเงือกแสร้งทำตาย เขาเข้าไปดูใกล้ๆ มันจับเขาๆต่อสู้ เงือกกัดขาเขาจนขาดแล้วหนีไป เขาเห็นหัวเงือกมากมายหลายสิบๆหัวลอยรอเขาเข้าไป ดังนั้นเขาจึงหยุดพักทำการสร้างหอกเป็นอาวุธขึ้นมาก่อน เมื่อไปถึงหัวเงือกเหล่านั้น เขาจึงใช้หอกแทงทิ่มไปยังหัวเงือกที่โผ่ลขึ้นมาทันที ด้วยความโกรธที่มันบังอาจมากัดขาจนขาด เมื่อฆ่าเงือกเหล่านั้นตายเกือบหมดสิ้น เขาจึงขึ้นพักที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง แต่ก็โชคร้ายจู่ๆ ก็มีคลื่นยักษ์ถาโถมจมหมู่บ้านทันที
เงือกประเภทที่อยู่น้ำจืดTEXT