พื้นฐานของพลังจิตมาจากที่เดียวกัน เพียงอาจจะเรียกแตกต่างกันออกไป เช่นพลังกายทิพย์ พลังจักรวาล พลังชีวิต พลังชีวภาพ แต่ทั้งหมดแล้ว ก็มาจากพื้นฐานพลังจิตชนิดเดียวกัน เพียงแต่เราจะนำไปใช้ประโยชน์ในแบบไหน และจะตั้งชื่อพลังจิตชนิดนี้ว่าอะไรเท่านั้นเอง .....
เราสามารถนำพลังจิตไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ในหลายด้าน และก็สามารถใช้ให้เกิดโทษได้ด้วยเช่นกัน
ทุกคนจะมีพลังของความคิดที่ดี และไม่ดีคลุมอยู่รอบ ๆ กาย ถึงเราอาจจะมองไม่เห็น แต่เราก็จะรู้สึกได้ เพราะจริง ๆ แล้วมนุษย์สื่อสารกันด้วยพลังจิตตลอดเวลา หรือที่เรียกว่ามีเซ๊นท์ (sense) นั่นเอง มนุษย์ทุกคนมีพลังจิตที่สื่อสารกันอยู่และจะสามารถรู้ได้ ว่าใครคิดดี หรือไม่ดี ชอบเรา หรือเกลียดเราได้
แต่ความรู้สึกนี้จะชัดเจนหรือไม่อยู่ที่ “ จิต ” ถ้าคนที่มีจิตดี นิ่งสงบ จะรับรู้กระแสจิตของความคิดผู้อื่นได้เร็วและค่อนข้างชัดเจน กว่าคนที่จิตฟุ้งซ่าน ลองสังเกตง่าย ๆ ว่า คนบางคน เราอยู่ใกล้พูดคุยด้วยแล้วรู้สึกสบายใจ ปลอดโปร่ง โล่งใจ เพราะคนผู้นั้นเป็นผู้ที่มีกระแสจิตที่ดี มีความเมตตา ไม่คิดร้ายใคร พลังจิตจึงเป็นกระแสที่สว่างใสและอบอุ่นปลอดภัย แม้แต่เทวดาก็อยากมาอารักษ์ สัตว์ก็ยังอยากอยู่ใกล้
แต่กับอีกคนที่อยู่ใกล้แล้วกลับรู้สึกอึดอัดไม่สบายใจ เพราะคนผู้นั้นเป็นผู้ที่มีกระแสจิตพิฆาต ชอบคิดร้าย อาฆาต พยาบาทและเบียดเบียนผู้อื่นอยู่เสมอ พลังจิตจึงเป็นกระแสแบบทิ่มแทง ทำให้คนที่อยู่ใกล้รับถึงกระแสนั้น จึงก่อให้เกิดความอึดอัด ไม่ไว้วางใจ หวาดกลัว และไม่อยากเข้าใกล้ แม้แต่เทวดาก็ส่ายหน้า หมูหมาก็วิ่งหนี
คนที่มีคลื่นพลังจิตชนิดบวกอยู่สูง จะเป็นประเภทของคนที่ชอบพึ่งพาตัวเอง มีใจเปิดกว้าง ไม่คิดร้ายใคร ให้อภัยผู้อื่นเสมอ มีความเมตตา และมองโลกในแง่ดี มีกำลังใจสูง ไม่ว่าจะเผชิญหน้าอยู่กับปัญหาใด ๆ ก็จะไม่ย่อท้อ และไม่สูญเสียกำลังใจง่าย ๆ ทำให้สามารถพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสได้อยู่เสมอ ๆ
บางคนหาวิธีสร้างเสน่ห์เมตตามหานิยมกันให้วุ่นวาย แต่เมตตามหานิยมที่คงกระพันอย่างแท้จริงแล้วอยู่ ที่ความคิดและจิตใจของเรานั่นเอง ถ้าเพียงแค่เราปรับความคิดให้คิดในแง่บวก คิดดีและใจกว้าง รู้จักให้อภัยในความผิดพลาดของผู้อื่นบ้าง เพราะเราเองก็ใช่ว่าจะไม่เคยผิดพลาดมาก่อน เราก็ยังอยากได้รับการอภัยเลย เราก็ควรรู้จักการอภัยผู้อื่นเป็นนิสัยบ้าง เราก็จะได้สิ่งนั้นกลับคืน การให้อภัยเป็นการฝึกความใจกว้างและเชื่อมโยงอยู่ ในข้อของเมตตาบารมีด้วย
รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเราบ้าง จะทำให้เราได้สติในการทบทวนก่อนที่จะพูดหรือทำอะไรลง ไป ว่าจะไปกระทบใจเขาหรือไม่ ลองพูดให้ตัวเองฟังก่อนดีกว่าไม่ ว่าสิ่งที่เราจะพูดเราฟังแล้วรู้สึกอย่างไร ถ้าเราฟังแล้วรู้สึกไม่ดี เราจะใช้วจีกรรมทำลายตัวเองและผู้อื่นให้เป็นกรรมต่อ กันทำไมและสิ่งที่ได้ตามมาคือเป็นการลดความเห็นแก่ตัวลงไปได้มาก เพราะเรากำลังนึกถึงใจคนอื่นมากขึ้น แทนที่จะนึกถึงแต่ใจตัวเองอย่างที่เคยทำ และทำให้เกิดกระแสจิตที่อ่อนโยนและเมตตาต่อผู้อื่นมากขึ้น เป็นกระแสจิตที่ดี ทำให้เกิดเสน่ห์ต่อมหาชน คนรักใคร่และเกิดความเมตตา โดยไม่ต้องไปพึ่งพาเครื่องรางของขลังที่ไหนเลย
เราทุกคนย่อมสร้างความขลังให้เกิดกับตัวเองได้
เพียงแต่หมั่นเจิมจิตด้วยการคิดดี พูดดี ทำดี ในทุกวันเท่านั้นเอง .
จาก หนังสือธรรมะในจิต
ที่มา:
http://www.baanmaha.com/forums/showthread.php?t=22215
magic
พุทธศาสนสุภาษิตสำหรับท่องจำ ธรรมศึกษาชั้นตรี (ควรฝึกเขียนให้ถูกต้องด้วย)
-
หมวด ตน
อตฺตาหิ อตฺตโน นาโถ.
ตนแล เป็นที่พึ่งของตน. ที่มาของสุภาษิต ขุทฺทกนิกาย ธรรมบท
อตฺตนา หิ สุทนฺเตน นาถํ ลภติ ทุลฺลภิ.
ผู้มีตนฝึกดีแล้ว ย่อมได้ที่พ...
12 ปีที่ผ่านมา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
วัณณกสิณ ๔ สีที่เกิดอยู่ที่จริต เกิดเป็นรังษีออร่า